การกิน การอยู่ที่ก่อให้เกิดโรค ตอน งดน้ำตาลและอาหารให้ความหวาน
ชีวิต ประกอบด้วยกายและใจ การที่จะทำให้ชีวิตมีความสุข จะต้องทำให้กายมีสุขภาพแข็ง และจิตใจปราศจากหรือลดให้น้อยจากเหตุแห่งความเศร้าหมอง ปัญหาอะไรที่เกิดกับกาย จะส่งผลต่อสุขภาพใจด้วยอย่างแยกกันไม่ได้ อะไรที่เกิดกับสุขภาพใจก็จะส่งผลต่อสุขภาพกายด้วย การรับรู้ของใจต่อกิจกรรมทางกายนั้น มี 2 ลักษณะคือ จิตสำนึก คือ อะไรที่เกิดขึ้นกับกายแล้วทำงานผ่านสมอง สมองรับรู้ ส่วนอะไรที่เกิดกับกายแต่ไม่ผ่านสมอง หรือสมองรับรู้ไม่ได้ อันนี้เรียกว่าจิตใต้สำนึก เช่นการเต้นหัวใจ การย่อยอาหาร และอวัยวะต่างๆ สิ่งที่เกิดกับใจคือความโกรธ ความเศร้า ที่เกิดกับใจ ก็ส่งผลต่อสุขภาพทางกายด้วย เช่น ความเครียด จะส่งผลต่อระบบย่อยอาหาร หัวใจ ฮอร์โมน อวัยวะภายใน การทำงานในระดับเซล ดังนั้น หากเราจะต้องทำให้ร่างกายแข็งแรง เราก็ดูแลการกิน การอยู่และปัจจัยทางกาย หากเราจะทำให้จิตใจแข็งแรงมีความสุขก็จะต้อง ไม่ทุกข์ ไม่เศร้า ไม่คิดในแง่ลบ และพยายามลดเหตุแห่งทุกข์ออกให้มากที่สุด เพื่อจะทำให้ทั้งกายและใจมีความสุขและแข็งแรงไปพร้อมๆกัน
เพื่อทำให้ร่างกายมีความสุขภาพกายและสุขภาพใจที่แข็งแรง มีข้อแนะนำดังนี้
1.ดูแลการกิน โดยใช้อาหารธรรมชาติ ปราศจากสารเคมี การอยู่ อยู่ในสภาวะแวดล้อมที่ดี
2.ลดและหยุดการกิน การใช้ พวกสารพิษ เคมี รวมถึงสิ่งเสพติดทุกชนิด
3.ลดการคิดในแง่ลบ ความเศร้า และพยายามลดกิเลสทั้งหลายให้มากที่สุด
สำหรับด้านอาหารหรือการกิน มีหลักในการพิจารณาดังนี้
•งดหรือลดให้น้อยที่สำหรับอาหารประเภทน้ำตาลหรือให้ความหวานทุกชนิด รวมทั้งน้ำตาลเทียม
•งด อาหารที่มาจากไขมันเทียม ไม่ว่าจากมาจากส่วนผสม หรือเกิดจากกระบวนการปรุง
•เลือกโปรตีนที่สะอาด ลดให้น้อยที่สุดสำหรับโปรตีนจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
•กินอาหารธรรมชาติให้ได้สัดส่วนเพียงพอ ครบถ้วน ไม่เกิน ไม่ขาด
สิ่งที่ต้องทำ
•สำหรับแหล่งคาร์โบเฮเดรท จะต้องมีไฟเบอร์ที่ละลายน้ำ และที่ไม่ละลายน้ำ ให้มากพอ
•กิน ผัก ผลไม้ ให้ครบถ้วน
•ออกกำลังกาย
•นอนหลับและหลับลึก 7-8 ชั่วโมง/วัน
•คิดบวกเสมอ
เฉพาะในส่วนน้ำตาลและอาหารที่ให้ความหวาน อาหารอะไรก็ตามที่ให้ความหวานและอาหารที่ย่อยแล้วได้สารความหวาน เช่น ข้าว แป้ง ขนมปัง น้ำตาลทราย-ซูโครส เมื่อย่อยแล้วจะได้ กลูโคส น้ำผึ้ง อราชีโนส แลคโส ฟรุคโตส กาแลคโตส มอลโตส และอาหารที่ให้ความหวานเทียมทุกชนิด
ร่างกายต้องการน้ำตาลเพื่อไปเป็นแหล่งพลังงาน ต้องการน้อยมาก หากกินเกิน ก็จะเป็นผลเสียและเกิดผลตามมามากมาย และยิ่งน้ำตาลเทียมแม้ไม่ให้พลังงาน แต่ก็ส่งผลเสียตามมา ไม่มีประโยชน์เลยและกลับเป็นโทษมากกว่า ระดับน้ำตาลที่เหมาะสมสำหรับร่างกาย หากเอาเลือดมาวัดหาปริมาณน้ำตาลโดยจะวัดเป็นปริมาณกลูโคส ระดับที่เหมาะสมคือ อยู่ระหว่าง 70- 120 มก/เดซิลิตรของเลือด หรือ 700-1200 มก/ลิตร เฉลี่ยประมาณเป็น 1000 มก/ลิตร (เลือดคนเราทั่วร่างกายประมาณ 4 ลิตรคนน้ำหนักประมาณ 60 กก) ดังน้ำน้ำตาลทั้งหมด ก็คือ 4000 มก./ 4 ลิตร หรือ 4 กรัม/ เลือดทั่วร่างกาย หรือ เทียบเท่า 2 ช้อนชา พูดง่ายๆ ร่างกายคนเราต้องการน้ำตาลประมาณแค่ 2 ช้อนชาเพื่อเป็นพลังงานทั่วร่างกาย แค่นั้นเอง น้อยมาก ส่วนที่เหลือคือส่วนเกิน
เพื่อเทียบกับอาหารที่เรากินทุกวัน เทียบได้ดังนี้
•กาแฟ ใส่น้ำตาล 2 ช้อน หรือประมาณ 5 กรัม เกินไปเล็กน้อย
•เครื่องดื่มให้ความหวานบรรจุขวด กล่อง ประมาณ 6 ช้อนชา หรือ เกินไป 300 %
•ของหวานทุกชนิด ประมาณ มากกว่า 1000% ที่เกิน
น้ำตาลที่กินเกินจะส่งผลอะไรบ้าง
•น้ำตาลจะก่อให้เกิดการอักเสบในระดับเซล และหากรวมกับโปรตีนเช่นที่หลอดเลือด (Glycation) จะส่งผลให้หลอดเลือดแข็งตัว เป็นโรคหัวใจ สอง อัมพาต อัมพฤก ความดัน
•ถูกเปลี่ยนเป็นไขมัน ทำให้เกิดการอุดตันเส้นเลือด สมอง หัว ใจ ไขมันพอกตับ อ้วน
•น้ำตาลที่เกินมีผลต่อต่อระบบประสาท และโอกาสเดโรคความจำเสื่อม ปลายประสาทอักเสบ
•ทำให้เกิดสารพิษ อนุมูลอิสระ เซลเสื่อมและก่อโรคต่างมากมายอันเป็นผลจากเซลเสื่อม
•ทำให้ระบบเผาผลาญมีปัญหา เพราะสารอัลดีไฮล์ในน้ำตาล จะส่งผลทำให้ประสิทธิภาพการเผาผลาญต่ำลง และจะเกิดโรคจากระบบเผาลผาญต่ำมาอีกหลายโรค
•ทำให้ภูมิต่ำลง และโอกาสเกิดมะเร็งมากขึ้น ( มีผลต่อ T- Lymphocyte)
•น้ำตาลเป็นสารเสพติดมีสารอัลดีโฮล์ นอกจากเป็นพิษแล้ว อันนี้คือสารตัวเดียวกับยาเสพติดทั้งหลาย จะส่งผลทั้งอารมณ์ ร่างกาย และเสพติดความหวาน ( พยามกินอาหารที่มีสาร Aldehyde Dehydrogenase จะช่วยได้)
•น้ำตาลมากเกินจะเร่งให้การหลั่งอินสุลินเพื่อขนน้ำตาลไปเก็บในเซล หากสูงเรื่อยๆติดต่อกัน ก็จะเกิดภาวะดื้ออินสุลิน จะเป็นอาการเบาจืด-Hypoglycemia หรือน้ำตาลต่ำ (น้ำตาลสูง จะเป็นเบาหวาน-Hyperglycemia น้ำตาลต่ำจะเป็นเบาจืดจะอ่อนเพลีย ไม่มีแรง ปวดหัว วิงเวียน
•น้ำตาลสูง จะเปลี่ยนเป็นไขมัน ทำให้มี Triglyceride สูง และจะมีโอกาสเป็นโรคหลอดเลือดตามมาอีกมา
•จะให้ขาดสารอาหาร เพราะน้ำตาลที่สูง จะให้บริโภคสารอาหารอื่นๆน้อยลง หรือเบียดเบียนสัดส่วนสารอาหารอื่นๆที่จำเป็น ทำให้เป็นโรคขาดสารอาหาร
น้ำตาลเทียมกินแทนได้ไหม น้ำตาลเทียม คือสารที่ให้ความหวาน ไม่ให้พลังงาน อันนี้ยิ่งแย่เข้าไปอีก เพราะนอกจากจะเป็นของเสีย เป็นสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์และสร้างอนุมูลอิสระแล้ว มันคือสารที่ไปหลอกร่างกาย หลอกให้หลั่งอินสุลิน และในที่สุดก็จะเกิดภาวะดื้ออินสุลิน ซึ่งอินสุลินมีหน้าที่ขนส่งน้ำตาลไปยังเซล ดังนั้น หากดื้ออินสุลิน ร่างกายก็จะขาดสารน้ำตาลที่จะส่งเข้าเซลเพื่อการเผาผลาญ ในที่สุดก็อาจจะเป็นเบาจืดได้
ติดต่อสอบถามรายละเอียดหรือดูเพิ่มเติมได้ที www.herbenzyme.com