หลายคนมักได้ยินว่า แชทขอยืมเงินใช้ฟ้องร้องคดีตามกฎหมายได้ แต่ไม่รู้ว่า จริงๆแล้วแค่แชทยืมเงินอย่างเดียวอาจจะยังไม่พอ เพราะคุณต้องมีหลักฐานการขอยืมอื่นๆแนบท้ายไปด้วยและก็ไม่ใช่ทุกข้อความที่คุณจะใช้เป็นหลักฐานฟ้องร้องได้นะ… แล้วแชทแบบไหนถึงจะใช้ฟ้องร้องคดีได้…
ถ้าเสิร์ชใน Google หรือหาในกระทู้ Pantip หลายกระทู้ดูแล้ว ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปซักที…
ในเรื่องนี้ ตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เกี่ยวกับการกู้ยืมเงินและพ.ร.บ.ว่าด้วยธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544 อนุญาตให้ การกู้ยืมเงินมากกว่า 2,000 บาทขึ้นไป โดยยืมเงินผ่านแชทในมือถือ สามารถใช้เป็นหลักฐานการกู้ยืมเงินเพื่อฟ้องร้องคดีได้ตามกฎหมาย
กรณีเมื่อมีการแชทขอยืมเงินที่สามารถที่จะ ใช้เป็นหลักฐานฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมายได้ เพราะข้อความในแชทถือเป็นหลักฐานเทียบเท่าหนังสือสัญญากู้ยืมต้องเป็นกรณีที่มีข้อความที่อนุมานว่ากู้ยืมระหว่างกันถึงจะเป็นหลักฐานฟ้องร้องคดีได้
* ข้อความแชทจะต้องระบุว่าขอยืมเงิน จำนวนเงินที่ขอยืม และเห็นบัญชีผู้ใช้ว่าใครมาขอยืมเงิน
* สลิปการโอนเงิน มีการระบุวันเวลาที่โอนเงิน และข้อความได้รับเงินจากอีกฝ่าย เพื่อยืนยันเวลาได้เงินที่ตรงกัน
* โปรแกรมแชทที่น่าเชื่อถือ สามารถตรวจสอบการมีตัวตนจริงของผู้ขอกู้ได้ เพื่อป้องกันการแอบอ้างจากอีกฝ่ายว่า ชื่อบัญชีผู้ใช้งานไม่มีตัวตนจริง
เรื่องนี้เคยมีคำพิพากษาฎีกาที่ 6757/2560 ที่เคยวินิจฉัยโดยหลักกฎหมายตามพระราชบัญญัติธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ มาใช้บังคับโดยตีความว่าการปลดหนี้ในแชท (chat) ในเครือข่ายออนไลน์ เป็นการปลดหนี้โดยได้ทำเป็นหนังสือ จึงมีผลเป็นการปลดหนี้ที่สมบูรณ์ตามกฎหมายแล้ว
ดังนั้น พยานหลักฐานเป็นหนังสือแห่งการกู้ยืมเงิน ไม่จำเป็นที่จะต้องทำขึ้นเป็นกระดาษเสมอไป จะทำขึ้นบนวัตถุใดๆ ก็ตาม ก็สามารถที่จะนำมาใช้เป็นพยานหลักฐานฟ้องร้องบังคับคดีได้ หากปรากฏข้อความเป็นตัวอักษร สามารถสื่อสารกันได้ว่า เป็นการกู้ยืมเงินกันระหว่างผู้ให้กู้ยืมเงินกับผู้กู้ยืมเงิน และที่สำคัญผู้กู้ยืมเงินได้ลงลายมือชื่อไว้ด้วย ถือว่าเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงิน ตามมาตรา 653 วรรคแรก ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ดังกล่าว
สุทัศน์ ขำวิไล บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ประชาไทนิวส์ออนไลน์