‘พงศ์พร’ ย้ำยังนั่งในตำแหน่งผอ.พศ.ออกหนังสือถึง รมต.ออมสินฯ แจงคำสั่งยืมตัวช่วยราชการอาจขัดมติครม. ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
เมื่อวันที่ 6 ก.ย.60 ได้มีการเผยแพร่หนังสือส่วนราชการที่ พศ. 001/780 ลงนามโดย พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (ผอ.พศ.) ระบุว่า ตามที่ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรรี นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ ได้มีคำสั่งแต่งให้นายกนก แสนประเสริฐ รองผู้อำนวยการสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ โดยแจ้งว่าคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2560 รับโอนกระผม พร้อมแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ และได้อนุมัติให้กระผมไปช่วยงานราชการที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ 29 สิงหาคม 2560 ทำให้กระผมไม่อาจปฏิบัติราชการในตำแหน่งได้ จึงมีคำสั่งดังกล่าว นั้น
กระผมขอเรียนว่า 1.การรับโอนและการให้ไปช่วยราชการข้างต้น มิได้เป็นไปโดยความรู้เห็นหรือความสมัครใจของเจ้าตัว 2.เมื่อมติคณะรัฐมนตรี มีผลให้กระผมพ้นจากตำแหน่ง นับตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ฉะนั้น กระผมจึงยังอยู่ในตำแหน่งนี้และมีอำนาจหน้าที่ในตำแหน่งทุกประการ จนกว่าจะเข้าเงื่อนไขดังกล่าว 3.การขอและการให้ยืมตัวกระผมไปช่วยราชการ ทั้งที่รู้ว่าคณะรัฐมนตรีมีมติข้างต้น อาจขัดต่อมติคณะรัฐมนตรี และอาจกระทบพระราชอำนาจได้ 4.การอนุมัติให้ยืมตัวของท่าน พิจารณาเพียงว่าสำนักนายกรัฐมนตรีไม่เสียหาย แต่มิได้พิจารณาว่าสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงหรือทบวง (พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 มาตรา 46) เสียหายหรือไม่ อนึ่ง การให้ยืมตัวหัวหน้าส่วนราชการขณะที่มีรองหัวหน้าส่วนราชการซึ่งใกล้เกษียณ (1 ตุลาคม 2560) เหลือเพียงนายคนเดียวน่าจะทำให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งมีภารกิจกว้างขวางเสียหายได้
5.การอนุมัติให้ยืมตัวผมไปช่วยราชการ มิใช่กฎหมาย จึงไม่ทำให้กระผมพ้นจากตำแหน่งและเจ้าหน้าที่ในตำแหน่ง อีกทั้งในความเป็นจริงกระผมยังปฏิบัติราชการในตำแหน่งได้ โดยมิต้องนั่งประจำที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ฉะนั้น การรักษาราชการแทนตามคำสั่งที่อ้างถึงจึงยังไม่เกิด เพราะการรักษาราชการแทนเป็นไปโดยผลของกฎหมาย มิใช่การแต่งตั้งของผู้ใด นอกจากนี้การแต่งตั้งตามคำสั่งที่อ้างถึงไม่จำเป็นต้องกระทำ เนื่องจากขณะนี้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติมีรองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเพียงคนเดียว (พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 มาตรา 46) 6. การถือปฏิบัติตามคำสั่งที่อ้างถึงในขณะนี้ จะทำให้เกิดการปฏิบัติราชการโดยปราศจากอำนาจทางกฎหมาย ทำให้เสียหายแก่ราชการร้ายแรงได้ 7.การแจ้งให้กระผมไปช่วยราชการ ยังมิได้กระทำโดยผู้บังคับบัญชา จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง พ.ต.ท.พงศ์พร เกี่ยวกับหนังสือดังกล่าว ได้รับคำชี้แจงว่า ได้มีการร่างหนังสือถึงรัฐมนตรีออมสิน และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจริง เพื่อต้องการเรียนให้ทราบว่า ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีไม่ใช่ผู้บังคับบัญชา เมื่อยืมตัวไปช่วยราชการ ต้องมีหนังสือส่งตัวมาก่อนถึงจะไปได้ เพราะตำแหน่งของตนไม่ได้ขึ้นต่อกระทรวง ทบวงใด แต่ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี หนังสือที่ปลัดสำนักนายกฯส่งมาก็เพื่อโปรดทราบเท่านั้น ไม่ใช่คำสั่งและไม่มีอำนาจสั่ง ถ้าขืนไปรายงานตัวก็เข้าทางเขาทันทีและถ้ามีความเสียหายเกิดขึ้นก็เท่ากับทิ้งงานไป ดังนั้นจึงควรมีคำสั่งทางการปกครองมาให้ชัดเจนคือรัฐมนตรีจะต้องอนุมัติให้ยืมตัว และการจะขาดจากตำแหน่งเดิมได้นั้น มติครม.จะมีผลต่อเมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแล้ว ดังนั้นตำแหน่งผอ.พศ.ก็ยังมีผลเหมือนเดิม เว้นแต่จะสละสิทธิ์เมื่อได้รับคำสั่งผู้บังคับบัญชาให้ไป เมื่อลงนามรับทราบคำสั่งแล้วจึงจะมีการส่งมอบงานเพื่อให้ขาดจากความรับผิดชอบเดิม ตราบใดที่ตนยังค้างในตำแหน่งเดิมหากผิดพลาดขึ้นมาก็ไม่พ้นความรับผิดชอบ
“ขณะนี้ผมยังนั่งในตำแหน่งเดิม สามารถให้รองฯ ปฏิบัติราชการแทนได้ แต่ถ้าผมพ้นหน้าที่ไปแล้วโดยรับทราบคำสั่งทางปกครองว่าให้ไปช่วยราชการ ก็ต้องมีการส่งมอบงาน ถ้ายังไม่ได้มอบงาน หน้าที่ก็ยังคงติดตัวไป ถ้ามีความเสียหายก็ต้องรับผิดชอบ ที่ผ่านมายังไม่เข้าใจในรายละเอียดกันก็เลยเกิดปัญหา เข้าทำนองเอาวิชาศรีทะนนชัยมาใช้” ผอ.พศ.กล่าว
สุรเชษฐ ประชาไท รายงาน