“ออมสิน” เฉียบ ใช้อำนาจ นรม. ฟัน พ.ต.ท.พงศ์พร ให้ยึดตามหนังสือปลัดสำนักนายกฯ แฉเปรตเหลืองแค้นขอล้มคดีเงินทอนวัดพระบาทตากผ้าไม่สำเร็จ
กลายเป็นประเด็นร้อนทันที ภายหลังหนังสือคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 214/2560 ลงนามโดยนายจิรชัย มูลทองโร่ย ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สั่ง ณ วันที่ 6 ก.ย.2560 ให้ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (ผอ.พศ.) ไปรักษาการในตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ หลุดออกสู่สาธารณะ และในวันเดียวกันได้มีคำสั่งสำนักนายกฯ ที่ 215/2560 สั่งการให้ พ.ต.ท.พงศ์พร ไปรักษาการในตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกฯ ตำแหน่งที่ 15 พร้อมกับมอบหมายให้รับผิดชอบการตรวจราชการเขตตรวจราชการที่ 8 ใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทางสื่อต่างๆ ตามมา โดยเฉพาะหนังสือท้วงติงจาก พ.ต.ท.พงศ์พร ที่มีถึงนายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ในฐานะกำกับดูแลพศ. รวม 7 ข้อ ที่ระบุว่าการจะให้ตนพ้นขาดจากตำแหน่งผอ.พศ.ได้นั้น ต้องนับแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแล้ว โดยเฉพาะข้อความในข้อ 7. “การแจ้งให้กระผมไปช่วยราชการ ยังมิได้กระทำโดยผู้บังคับบัญชา” ซึ่ง พ.ต.ท.พงศ์พร ยันยันว่า ปลัดสำนักนายกไม่ใช่ผู้บังคับบัญชาที่จะสั่งข้อราชการกับตนได้
ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว วันนี้ วันศุกร์ที่ 8 ก.ย.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้รับการเปิดเผยจากแหล่งข่าวใกล้ชิดกับ พ.ต.ท.พงศ์พร เมื่อวานนี้ (7 ก.ย.) เวลา 15.15 น. ได้มีหนังสือราชการส่งมาทางแฟกซ์ ลงนามโดยนายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมต.ประจำสำนักนายกฯ (รมต.นร.) ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี(นรม.) เรียน ผอ.พศ. (พ.ต.ท.พงศ์พร) เพื่อโปรดทราบ/ถือปฏิบัติตามคำสั่ง นร. โดยพ.ต.ท.พงศ์พร ได้รับทราบในเบื้องต้นแล้วแต่ยังไม่มีผลจนกว่าจะมีหนังสือราชการฉบับจริงมาถึงเพื่อลงนามรับทราบคำสั่ง ซึ่งตนได้ข้อมูลมาหลังจากที่ปลัดสำนักนายกฯ นำหนังสือของพ.ต.ท.พงศ์พร เรียนให้นายออมสินรับทราบจากนั้นจึงได้รีบหารือด้านข้อกฎหมายและแนวทางปฏิบัติกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี โดยท่านได้ชี้ทางออกให้โดยใช้อำนาจของนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) สั่งการกำชับให้ปฏิบัติตามหนังสือของปลัดสำนักนายกฯ ฉบับดังกล่าว เท่ากับกำชับตามอำนาจปกครองให้ต้องปฏิบัติตามโดยไม่มีข้อแม้
แหล่งข่าวยังกล่าวด้วยว่า รัฐบาลไม่น่าจะปล่อยให้เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นเพราะกระทบต่อเสถียรภาพอยากมาก ยิ่งใกล้เลือกตั้งจะทำให้เสียคะแนน เมื่อมติ ครม.เห็นชอบแล้วควรที่รัฐมนตรีจะลงนามในคำสั่ง แต่กลับสั่งการให้ปลัดสำนักนายกฯทำหนังสือแจ้งให้ไป เมื่อทำหนังสือแย้งไปว่าไม่ใช่คำสั่งผู้บังคับบัญชาจึงไม่สามารถปฏิบัติตามได้ เนื่องจากพศ.เป็นหน่วยงานที่ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่สำนักนายกฯ จึงเป็นที่มาของหนังสือฉบับเมื่อวานนี้ จึงแสดงให้เห็นถึงความผิดพลาดตามข้อ 7. เมื่อมีหนังสือมาให้ พ.ต.ท.พงศ์พร ปฏิบัติตามคำสั่งให้ไปช่วยราชการตามที่ส่งมาทางแฟกซ์ท่านก็พร้อมปฏิบัติตามโดยดี ส่วนท่านนายกฯนั้นท่านนั่งอยู่ตรงกลาง ท่านไม่ได้สั่งให้ทำเช่นนี้ ไม่รู้ว่าท่านกลัวอะไร ถึงแม้จะสั่งให้มีผลย้อนไปตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค.ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะเพิ่งสั่งวันนี้ แสดงว่าที่ พ.ต.ท.พงศ์พร ทักท้วงไปก่อนหน้านี้ถูกต้องแล้วทั้งหมด ส่วนท่านนายกฯนั้นท่านเป็นผู้ใหญ่ ท่านทำตัวกลางๆ ตามที่ท่านพูดว่า พ.ต.ท.พงศ์พร ไม่ได้มีปัญหาอะไรเพียงต้องการให้มาช่วยงานแม้ว่าท่านจะรู้อยู่ในใจว่าดีหรือไม่ดีแต่ท่านต้องการให้มาช่วยงานด้านปฏิรูป ก็เป็นเหตุเป็นผลที่ดี ท่านไม่สั่งให้กระทำถึงขั้นนี้ ไม่ว่าสั่งการอย่างกะทันหันหรือสั่งให้ลงไปภาคใต้ คาดว่ารัฐมนตรีสั่งเองทั้งนั้น
“น่าสังเกตตรงที่คำสั่งรีบส่งมาทางแฟกซ์ทันที พ.ต.ท.พงศ์พรท่านก็ทราบแต่ลงนามรับทราบคำสั่งไม่ได้ เหมือนจะขู่ เหมือนจะเอากันให้ตาย แต่ที่ไหนได้กลายเป็นผลร้ายไปเลย เพราะไปกลั่นแกล้งเขา ถ้าเป็นนักการเมืองต้องถือว่าผิดคิว ที่ผ่านมาท่านก็มักมีอะไรที่แปลกๆ หากใครปฏิบัติตามก็อาจจะติดคุก แม้แต่ที่ผ่านมาการพิจารณาเลื่อนขั้นในดีเอสไอ มีการดองเรื่องรอให้วิ่ง แล้วงานในพศ.นั้นหนักมาก สำคัญมาก แต่กลับถูกกดลงมาคล้ายจะจองล้างจองผลาญกันไม่เลิก” แหล่งข่าวคนเดิมกล่าว
ผู้สื่อข่าวว่ารายงานเพิ่มเติมว่า เนื่องจากคำสั่งย้ายแบบไม่ให้พ.ต.ท.พงศ์พรได้ทันตั้งตัวนั้น แหล่งข่าวเปิดเผยว่า สาเหตุใหญ่น่าจะมาจากการตรวจสอบพบทุจริตเงินทอนของวัดพระพุทธบาทตากผ้า จ.ลำพูน ที่มีเงินทอนโอนเข้าในบัญชีส่วนตัวท่านเจ้าคุณวัดไทยในเดนมาร์ก ที่เป็นพระในเครือข่ายวัดดังที่มีพระเจดีย์ยอดเขาเป็นสัญลักษณ์ มีพระเถระกรรมการมส.รูปหนึ่งได้มาเจราขอให้ไม่เอาเรื่องแต่ไม่สำเร็จ รวมทั้งการทุจริตสอบข้าราชการระดับ 9 และยังมีการทุจริตอีกหลายเรื่องซึ่งใกล้จะถูกเปิดโปงให้ต้องมีอันระงับไป
สุรเชษฐ ประชาไท รายงาน