พม่าฆ่าโหด/กาญจนบุรี เมื่อเวลา06.45 น. ร.ต.อ.ชาณวิทย์ ดาวเรือง ร้อยเวร(สอบสวน)สภ.หนองขาว ได้รับแจ้งจาก นายประกรณ์สิน ชีวเมฐาสิทธิ์ ว่ามีเหตุฆ่ากันตายที่ ษริษัทสหพันธ์หินเกล็ดสี หมู่1 ตำบลหนองขาว อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี จึงรุดเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วยมูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ (ขุนรัตนาวุธ)ถึงบริษัทดังกล่าวพบนาย ประกรณ์สิน ชีวเมฐาสิทธิ์ ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทดังกล่าว ได้พาไปดูรอยเลือดที่สงสัยว่าน่าจะเกิดการฆาตกรรมกันเกิดขึ้นเพราะ นายเมาเต็งเอา(พม่า)อายุ40 ปี ได้หายตัวไปไม่ได้ออกมาทำงาน จึงกระจายกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและมูลนิธิออกค้นหาบริเวณรอบโรงงาน จนกระทั่งพบรอยเลือดยาวเป็นทาง จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ นายประกรณ์สิน ชีวเมฐาสิทธิ์ อายุ52 เจ้าของบริษัทได้กล่าวว่า เมื่อวาน นายเมาเต็งเอา ได้ออกไปกินสุรากับนายเอาซู (พม่า)ในตัวตำบลหนองขาวหลังจากนั้นช่วงเวลา 19.00 น.ทั้งสองคนได้กลับมาแล้วมานั่งกินกันต่อที่ห้องของผู้ตายแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร จนกระทั่งช่วงเช้าตนเองได้ตื่นแล้วเดินออกมาจากบ้านได้ยินเสียงบีบแตรเห็น นายเอาซู อยู่หน้ารั้วประตูบ้านจึงไปเปิดให้แต่ก็สงสัยว่า นายเอาซู ออกไปข้างนอกตั้งแต่เมื่อไรแต่ก็ไม่ได้สอบถาม จนกระทั่งเห็นเดินเครื่องเพื่อทำงานในโรงผลิตหินเกล็ดสีคนเดียว แต่ไม่เห็นนายเมาเต็งเอา จึงสอบถามว่าไปไหน นายเอาซูได้บอกว่า นายเมาเต็งเอาได้กลับบ้านไปแล้ว จึงเห็นผิดสังเกตุจึงเดินไปดูที่ห้องพักไปถึงไม่พบนายเมาเต็งเอา แต่สังเกตุเห็นคราบเลือดอยู่ภายในห้องพร้อมมีหม้อสุกกี้ขวดเหล้าขาวจึงเดินหาและสังเกตุเห็นหลังห้องมีถุงพลาสติกกองอยู่ผิดปกตจึงหยิบถุงออกก็พบกองเลือดจึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้ามาตรวจสอบ หลังจากคำให้การของเจ้าของบริษัททางเจ้าหน้าที่ตำรวจกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิจึงกระจายกำลังกันค้นหารอบบริเวณโรงงานกันได้ซักพัก เจ้าหน้าที่ได้สังเกตุเห็นมีรอยเลือดเป็นทางยาวที่ไม่ห่างไกลจากห้องพักของผู้ตายมากนักจึงเดินตามรอยนั้น จนกระทั่งสังเกตุเห็นว่าทำไมข้างกำแพงที่มีร่องน้ำกับหญ้ารกถึงมีรอยถลกหญ้าจึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆจนพบว่ามาขาคนโผล่ขึ้นมาจากกอหญ้า จึงรู้ว่านายเมาเต็งเอา คงถูกฆ่าแน่นอน ร.ต.อ.ชาณวิทย์ ดาวเรือง ร้อยเวร(สอบสวน)สภ.หนองขาว ได้ให้ไปตามนายเอาซู เพื่อมาสอบปากคำแต่ปรากฎว่า นายเอาซู ได้หายตัวไป จึงประสานแพทย์เวรโรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่19 และกองพิสูตรหลักฐานเข้าร่วมตรวจสอบ ต่อมา พ.ต.อ.พงษ์ธรณ์ เอื้อประเสริฐ ผกก.สภ.หนองขาว ,พ.ต.ท.วรวุฒิ กาญจนวณิชย์ รอง ผกก.(ป)สภ.หนองขาว พ.ต.ท.ชาติชาย กาญจนภูษิต รักษาการ สว.สส. ได้เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุด้วยตนเองพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองขาว หลังจากนั้นทางร้อยเวร แพทย์เวร จึงสั่งให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์(ขุนรัตนาวุธ) ช่วยกันนำศพขึ้นมาจากดงหญ้า ในสภาพที่หัวมีผ้าคลุมหัวและมีถุงพลาสติกคลุมอีกที เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงให้แกะถุงออกและเปิดดู พบศพถูกอะไรบางอย่างฟันจนศรีษะเป็นแผลหลายแห่งจึงสั่งให้หามศพออกมา ภาพที่ทุกคนเห็นต้องตกใจกับความเหี้ยมโหดของฆาตกรรายนี้ ศรีษะมีรอยเหมือนโดนของมีคมฟันเป็นแผลขนาดใหญ่หลายแห่งมันสมองไหล กระโหลกศรีษะแตกละเอียด ส่วนกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกชุดระดมกำลังค้นหาผู้ต้องหาที่ได้รับการยืนยันจากเจ้าของบริษัทว่าน่าจะเป็นเพื่อนผู้ตายที่ลงมือฆ่าอย่างเหี้ยมโหดในครั้งนี้ หลังจากระดมกำลังกันค้นหาทั้งในและนอกบริเวณโรงงานอยู่พักใหญ่ ได้พบตัวนายเอาซู ได้เดินออกมาขอมอบตัวเพราะคิดว่าหนีไงก็ไปไม่รอด และได้แอบอยู่บนกองหินในโกดังโรงงานที่มีความสูงมากทางเจ้าหน้าที่ไม่สามารถสังเกตุเห็นและเข้าไปได้ ทางเจ้าหน้าที่จึงคุมตัวมาทำแผนที่เกิดเหตุก่อนการทำแผน พ.ต.อ.พงษ์ธรณ์ เอื้อประเสริฐ ผกก.สภ.หนองขาว ,พ.ต.ท.วรวุฒิ กาญจนวณิชย์ รอง ผกก.(ป) ได้สอบสวนผู้ต้องหาฆ่าโหดรายนี้ด้วยตัวเอง นายเอาซู(พม่า) ยอมรับว่าตนเองเป็นคนฆ่านาย เมาเต็งเอา (พม่า) ซึ่งเป็นเพื่อนตนเองจึง ก่อนเกิดเหตุช่วงเย็นได้ออกมาข้างนอกกันสองคนได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกมา จนกระทั่งช่วง19.00 ได้กับเข้ามากินเหล้าต่อกับผู้ตายและทำกับแก้มกินกันตนเองกินเบียร์ส่วนเพื่อนกินเหล้าขาว กินจนเบียร์หมดจึงได้มากินเหล้าขาวต่อ กินจนกระทั่งมีปากเสียงกันเนื่องจากผู้ตายได้ด่าถึงบุพการี จึงทำให้โมโห ตนกับผู้ตายเคยมีเรื่องทะเลาะกันมานานแล้วตนได้ออกจากงานไปครั้งหนึ่งเพราะ ผู้ตายบอกจะไปฟ้องเจ้านายให้ไล่ตนเองออก จึงผูกใจเจ็บมาตลอด จนได้กับมาทำงานอีกครั้ง และได้เจอกับนายเมาเต็งเอาอีกครั้ง และตนพึ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นานและรอการพิสูตรสัญชาติ จึงได้ชวนกันไปเที่ยวข้างนอกและกับมาต่อกับผู้ตายที่ห้อง จนมาทะเลาะกัน นายเอาซู ยังกล่าวอีกว่า ถูกนายเมาเต็งเอา ต่อยเข้าที่อก1ที ก่อนด้วยความโหโมที่ถูกด่าถึงบุพการี และความแค้นในครั้งเก่าและคำท้าทายจากผู้ตายว่าสักเสือเผ่นฟันแทงไม่เข้าจึงใช้เหล็กแป๊บยาวประมาณ1เมตรที่มีปลายตัดเป็นปากฉลามตีเข้าไปที่ศรีษะหลายครั้งจนนอนแน่นิ่งแล้วใช้ผ้าคลุมศรีษะแล้วเอาถุงพลาสติกคลุมอีกทีแล้วลากศพไปอำพรางดังกล่าวส่วนตัวเองได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกไปนอนที่อื่นโดยแอบกดประตูที่เป็นแบบอัตโนมัต แล้วพอตอนเข้าก็กลับเข้ามาทำงานตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยเห็นนายจ้าง เดินออกมาหน้าบ้านจึงเรียกให้เปิดประตูให้ จนนายจ้างมาถามว่า นายเมาเต็งเอาหายไปไหน จึงรู้ว่าอยู่ต่อไปคงไม่รอดแน่เลยหนี จนมาถูกจับเพราะแรงกดดันของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนแป๊บเหล็กได้โยนทิ้งข้ามกำแพงหลังโรงงาน ต่อจากนั้นได้นำตัวนาย เอาซู ไปทำแผนประกอบรับคำสารภาพ ส่วนศพนาย เมาเต็งเอา ร.ต.อ.ชาณวิทย์ ดาวเรือง ได้มอบศพให้ทางเจ้าหน้าที่มูลนิธินำไปผ่าพิสูตรที่สถาบันนิติเวชต่อไป และนำตัวผู้ต้องหารายนี้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ศักดิ์ดา ทีมอาชญากรรม/ประชาไท