ผู้ต้องขังเตรียมเฮ…เรือนจำจับมือกับศาล ให้ผู้ต้องขังทำงานบริการสังคมหรือทำงานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับตาม โครงการ “ต้องไม่มีใครติดคุกเพราะจน”
นายดำรง ยาน้ำทอง ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยประธานและคณะจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(ท่าพระจันทร์) คณะนิติศาสตร์ มาให้ความรู้แก่ผู้ต้องขังและญาติ ในโครงการ”ต้องไม่มีใครติดคุกเพราะจน” ของผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล ผู้อำนวยการโครงการและรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่เรือนจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมี นายยุทธนา นาคเรืองศรี ผู้บัญชาเรือนจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและนายอรชุน เวชวงศ์ อดีต รองผู้บัญชาการเรือนจำ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้การต้อนรับ
นายยุทธนา นาคเรืองศรี ผู้บัญชาเรือนจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า โครงการ”ต้องไม่มีใครติดคุกเพราะจน” เป็นโครงการของ ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล ผู้อำนวยการโครงการ”ต้องไม่มีใครติดคุกเพราะจน” และรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อแก้ปัญหาผู้ต้องขังล้นคุก ซึ่งในบางคดี ที่มีโทษปรับตามกฎหมายขั้นต่ำยกตัวอย่าง คดีประมง ผู้กระทำการช๊อตปลาเพื่อนำไปประกอบอาหารในการดำรงชีวิต หรือจำหน่ายมีอัตราโทษขั้นต่ำมากถึงหนึ่งแสนบาท แต่ได้ปลาแค่ตัวหรือสองตัว แล้วยังมีฐานะยากจน ไม่มีเงินเสียค่าปรับ จึงต้องติดคุกแทนค่าปรับ เป็นต้น จึงมีโครงการนี้ขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหานักโทษล้นคุก
จึงหาทางแก้ปัญหาให้ผู้ต้องโทษ ที่มีโทษพอที่จะแก้ไขได้ ไม่ต้องติดคุกแทนค่าปรับ แต่สามารถออกไปทำงานบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมข้างนอกเรือนจำได้ และสามารถใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวได้ตามปรกติ โดยจะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการรับเป็นผู้ดูแลการทำงาน หลังจากที่ศาลมีคำสั่งอนุญาต คือกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงยุตธรรม กระทรวงแรงงาน องค์กรส่วนท้องถิ่น หน่วยงานอื่นของรัฐหรือองกรที่มีวัตถุประสงค์ เพื่อการบริการสังคม การกุศลสาธารณะ เช่นองค์กรที่ทำงานเกี่ยวกับเด็ก หน่วยงานบริการข่าวสาร บริการสุขาภิบาลหน่วยงานป้องกันอัคคีภัย ดูและความสะอาด จราจร สถานศึกษา โรงพยาบาล เป็นต้น และ มีเจ้าหน้าที่ควบคุมความประพฤติ คอยกำกับดูแลผู้ต้องโทษอีกที และให้ญาติคอยกำชับระวังให้อีกทาง เพราะหากได้รับอนุญาตให้ออกไปบำเพ็ญประโยชน์ข้างนอกได้แล้วนั้น แต่ยังกลับมากระทำความผิดซ้ำ นอกจากจะไม่ได้รับการลดโทษให้แล้ว ผู้ที่เป็นญาติก็จะไม่ได้รับสิทธิในการปล่อยตัวออกไปทำงานข้างนอกแทนค่าปรับอีกด้วย หากมีการกระทำความผิด
วัตถุประสงค์ในโครงการ “ต้องไม่มีใครติดคุกเพราะจน” เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในกระบวนการยุติธรรม จากการที่มีผู้ยากไร้และผู้มีรายได้น้อย ไม่มีทรัพย์สินเพียงพอต่อการชำระค่าปรับ ส่งผลให้ต้องถูกกักขังแทนค่าปรับ จนกว่าจะครบตามจำนวนเงินตามที่ศาลพิพากษา ทางโครงการ”ต้องไม่มีใครติดคุกเพราะจน” จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกหนึ่ง ที่ผู้ต้องโทษมีสิทธิ์ยื่นคำร้องต่อศาล ในกรณีที่ศาลพิพากษาปรับ ผู้ต้องโทษปรับซึ่งมิใช่นิติบุคคลและไม่มีเงินชำระค่าปรับ อาจจะยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นที่พิจารณาคดีเพื่อขอทำงานบริการสังคม หรือ ทำงานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับ หรือถ้าความปรากฎแก่ศาลในขณะที่พิพากษาคดีว่าผู้ต้องโทษปรับรายใด อยู่ในเกณฑ์ที่จำทำงานบริการสังคมหรือทำงานสาธารณประโยชน์ตามมาตรานี้ได้ และถ้าผู้ต้องโทษปรับยินยอม ศาลจะมีคำสั่งให้ผู้นั้นทำงานบริการสังคมหรือทำงานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับก็ได้ ถือเป็นเป็นโครงการนำร่องที่ดี แก้ปัญหานักโทษล้นคุก และ ไม่ต้องเข้าไปถูกจองจำอยู่ในสถานการณ์ที่คับขันภายในเรือนจำได้อีกทางหนึ่ง
กอบกฤษณ์ ชูกลิ่น/ อยุธยา