เมื่อวันพุธที่ 4 ธันวาคม 2567 เวลา 17.30 น. นางสาวเเพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จากสาธารณรัฐประชาชนจีนมาประดิษฐานในประเทศไทยเป็นการชั่วคราว ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมีเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออกเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์
รัฐบาลได้จัดริ้วขบวนอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ออกจากลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์มายังมณฑลพิธีท้องสนามหลวง โดยมีพุทธศาสนิกชนนั่งแถวรอรับ พร้อมก้มลงกราบสักการะตลอดเส้นทางเพื่อความเป็นสิริมงคล
เมื่อถึงมณฑลพิธีท้องสนามหลวง นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีพร้อมด้วยคณะผู้บริหารฝ่ายจีน รอรับรถขบวนอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) และดำเนินพิธีการอัญเชิญพระสถูปพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ขึ้นประดิษฐานบนมณฑป โดยมีนายเฉิน รุ่ยเฟิง รัฐมนตรีประจำสำนักกิจการศาสนาแห่งชาติจีน หัวหน้าคณะผู้แทนฝ่ายจีน กล่าวมอบพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) และ นายกรัฐมนตรี กล่าวรับพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) โดยมีพิธีเจริญชัยมงคลคาถาตลอดพิธี
ต่อจากนั้น คณะรัฐมนตรีและผู้ร่วมในพิธีทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายจีน รับเสด็จสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก เมื่อสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายกเสด็จพระราชดำเนินถึงมณฑลพิธีท้องสนามหลวง เสด็จพระราชดำเนินไปยังด้านหน้ามณฑปถวายพวงมาลัย สักการะพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินกลับ
รัฐบาลขอเชิญชวนประชาชนสักการะ พระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ได้ตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2567 – 14 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 07.00 น. – 20.00 น. เจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมดอกไม้สักการะและโปสการ์ดพร้อมบทสวดบูชาพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) มอบให้ประชาชนที่เดินทางมาสักการะพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) รวมเป็นเวลา 73 วัน ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง และจะอัญเชิญกลับในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 รวม 73 วัน
เบนซิน ประชาไทนิวส์ออนไลน์ รายงาน
